รถยนต์ไฟฟ้าเป็นเทคโนโลยีการขับเคลื่อนใหม่ที่กำลังมาแรงมาก ๆ ในยุคที่โลกกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะโลกร้อน หลายประเทศทั่วโลกร่วมกันรณรงค์ในเรื่องของการลดการใช้พลังงาน โดยเฉพาะเชื้อเพลิงฟอสซิลซึ่งปล่อยก๊าซเรือนกระจก หนึ่งในสาเหตุสำคัญหลักที่ทำให้โลกร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นยานยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน จึงสามารถช่วยตอบโจทย์นี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในประเทศไทยจะมีการนำเข้ายานยนต์ไฟฟ้าเข้ามาขายแข่งกับรถยนต์สันดาปแบบเดิมมากขึ้นแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีหลาย ๆ เรื่องที่ผู้ขับขี่รถยนต์ทั่วไปอาจจะยังไม่ทราบ โดยเฉพาะกับ 5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าที่เรานำมาเล่าให้ฟังนี้
5 เรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าที่คุณอาจยังไม่เคยรู้
1. ประเภทของรถยนต์ไฟฟ้า
– รถไฟฟ้าไฮบริด (HEV: Hybrid Electric Vehicle) เป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนแบบผสมโดยใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และไฟฟ้าจากมอเตอร์ไฟฟ้า ไม่มีช่องเสียบชาร์จไฟ ข้อดีคือ ประหยัดเชื้อเพลิงกว่ารถยนต์สันดาป ขณะเดียวกันก็ไม่จำเป็นต้องวางแผนชาร์จไฟระหว่างเดินทาง เพราะเติมน้ำมันได้ตามปั๊มน้ำมันทั่วไป
– รถไฟฟ้าไฮบริดปลั๊กอิน (PHEV: Plug-in Hybrid Electric Vehicle) รถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้ถูกพัฒนาเพิ่มเติมจาก HEV คือเพิ่มช่องชาร์จไฟฟ้าเข้ามา ทำให้สามารถชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ได้ด้วย ซึ่งทำให้การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าได้ระยะทางที่เพิ่มมากขึ้นกว่า HEV
– รถไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV: Battery Electric Vehicle) หรือที่หลายคนรู้จักกันดีว่าเป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100%รถยนต์ประเภทนี้จะไม่ปล่อยมลพิษใด ๆ ออกมา เนื่องจากไม่มีการเผาไหม้เชื้อเพลิง ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำมัน เพราะใช้วิธีการชาร์จไฟเพื่อเก็บไฟฟ้าไว้ใช้ในแบตเตอรี่ ซึ่งระยะทางขับเคลื่อนของรถก็ขึ้นอยู่กับความจุของแบตเตอรี่รถแต่ละรุ่นนั่นเอง ข้อดีคือช่วยประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายเป็นอย่างมาก แต่ขณะเดียวกันก็จำเป็นต้องมีการวางแผนการเดินทางมากกว่ารถยนต์สันดาปทั่วไป
– รถไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (FCEV: Fuel Cell Electric Vehicle) เป็นยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่ได้มาจากเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนจากน้ำเปล่า เป็นเทคโนโลยีที่ถูกคาดหวังว่าจะเป็นก้าวสำคัญของเทคโนโลยีที่ยั่งยืนในอนาคต ซึ่งยานยนต์ประเภทนี้ในประเทศไทยอาจจะยังไม่เป็นที่นิยมแพร่หลายมากนัก
2. ทราบหรือไม่ รถยนต์ไฟฟ้า BEV ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ
อย่างที่กล่าวไปแล้วในเบื้องต้นว่า หลาย ๆ ประเทศต่างร่วมกันผลักดันให้คนในประเทศช่วยกันใช้พลังงานสะอาดเพื่อช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากภาวะโลกร้อน หน่วยงานภาครัฐในประเทศไทยเองก็ได้มีมาตรการสนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการนำเข้ารถไฟฟ้า และผู้บริโภคมีความสนใจซื้อรถไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ด้วยการสนับสนุนเงินอุดหนุนรถไฟฟ้า ลดภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และภาษีนำเข้า เป็นต้น ซึ่งเงื่อนไขก็เป็นไปตามที่กำหนดในประกาศกรมสรรพสามิต เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับสิทธิตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 139 ตอนพิเศษ 120 ง เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2565
3. สาเหตุหลักที่ทำให้ค่าบำรุงรักษารถไฟฟ้ามีแนวโน้มถูกกว่ารถยนต์สันดาป
หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า รถยนต์ไฟฟ้านั้นมีส่วนประกอบและชิ้นส่วนรถยนต์ที่น้อยกว่ารถยนต์สันดาป อีกทั้งความซับซ้อนในการทำงานก็มีน้อยกว่า ดังนั้นจึงส่งผลอย่างยิ่งในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา เรียกได้ว่าไม่ค่อยมีปัญหาจุกจิกเท่ากับรถยนต์สันดาป แม้ว่าในปัจจุบันราคาอะไหล่รถไฟฟ้าจะยังมีราคาแพง และมีตัวเลือกให้เลือกน้อยกว่าก็ตาม แต่เชื่อว่าด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจะทำให้ปัญหานี้หมดไปในอนาคตอย่างแน่นอน
4. การวางแผนการเดินทางสำคัญหรือไม่กับการใช้รถไฟฟ้า
หากจะหันมาใช้รถไฟฟ้าอย่างจริงจัง หลายคนอาจจะเตรียมใจกับเรื่องนี้มาบ้างแล้วพอสมควร แต่เราจะมาช่วยย้ำให้แน่ใจกันอีกครั้งว่า หากคุณอยากใช้รถไฟฟ้า สิ่งที่คุณต้องมีคือ การวางแผนการเดินทางที่รัดกุม แม้ว่าทุกคนที่ใช้รถไฟฟ้าจะสามารถติดตั้งอุปกรณ์ชาร์จไฟที่บ้านได้ แต่อย่าลืมว่าข้อจำกัดสำคัญของรถไฟฟ้าก็คือระยะทางที่สามารถวิ่งได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นปัญหากับคนที่ต้องเดินทางระยะไกล เพราะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องไปใช้สถานีชาร์จไฟตามจุดต่าง ๆ ซึ่งต้องยอมรับว่ายังมีอยู่อย่างจำกัดในปัจจุบัน ดังนั้นหากคุณอยากใช้รถไฟฟ้าอย่างสบายใจ เรื่องการวางแผนการเดินทางสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง
5. ไขข้อสงสัยรถยนต์ไฟฟ้าลุยน้ำท่วมได้หรือไม่
อีกหนึ่งข้อกังวลสำคัญเกี่ยวกับการตัดสินใจจะเลือกใช้รถไฟฟ้าหรือไม่นั้น ก็คงจะหนีไม่พ้นปัญหาเรื่องการลุยน้ำ เนื่องจากประเทศไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพมหานครนั้น มีปัญหาน้ำท่วมรอการระบายทุกปี ดังนั้นหลาย ๆ คนจึงอดกังวลใจไม่ได้ว่าหากซื้อรถไฟฟ้ามาใช้แล้ว รถจะมีปัญหาในเรื่องของการลุยน้ำหรือไม่ ต้องบอกเลยว่ารถไฟฟ้าทุกคันนั้นจะต้องได้รับการทดสอบมาตรฐานในการป้องกันของแข็งและของเหลวเล็ดลอดเข้าไปในตัวแบตเตอรี่ (Ingress Protection Rate : IP Rate) ก่อนจัดจำหน่ายอยู่แล้ว ซึ่งโดยทั่วไปรถไฟฟ้าจะมีค่า IP Rate ที่ไม่ต่ำกว่า IP67 ซึ่งด้วยค่านี้จะสามารถการันตีได้ว่ารถไฟฟ้าจะสามารถลุยน้ำลึกได้ไม่เกิน 1 เมตร ต่อเนื่องกันไม่เกิน 30 นาทีได้ ซึ่งก็เท่ากับว่าไม่ต่างจากรถสันดาปเลย
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 เรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าที่อาจช่วยคุณตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น สิ่งสำคัญไม่แพ้การเลือกซื้อก็คือ การขับขี่อย่างมีวินัยและเคารพกฎจราจร รวมถึงเอื้อเฟื้อต่อผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน จะได้เป็นทั้งการรักษ์โลกและช่วยลดอุบัติเหตุได้ด้วย